
ฮีลใจแนวๆแบบ Placebo Club เก็บเทคนิคการรักษาด้วย Tibetan Bowls
กลับมาเยือน Placebo Club อีกครั้ง
จากเจริญกรุงใกล้The River สู่เยาวราชย่านหมอมี
ประมาณเกือบ 3 ปีที่แล้วมีโอกาสไปดูงานนิทรรศการที่ The River ทำให้พบร้านขายของเก่าทิเบต ซึ่งคุณลุงร้านนี้เป็นผู้แนะนำให้เราได้ไปพบคุณวริศแห่ง Placebo Club ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าไปศึกษาเรื่องขันทิเบตเพื่อการรักษา
รอบนี้เป็น The return เพื่อกลับมาศึกษาเพิ่มเติมกับคุณวริศ ความท้าทายเลยเกิดขึ้นในวันที่นัดกัน เมื่อขับรถลงทางด่วนที่หัวลำโพง และขับวนวงเวียนหาคลับอยู่หลายสิบนาที จนในที่สุดตัดสินใจเปิดประตูลงไปถามร้านกาแฟสายฮิปร้านหนึ่ง จึงได้ความว่า Placebo Club อยู่ชั้นสองของตึกนี้นี่เอง.. ซึ่งขอชมตรงนี้ว่าคุณวริศคงconcept ความลึกลับ discrete location ได้ดีมากตั้งแต่ครั้งยังอยู่ที่เจริญกรุง
เมื่อทราบว่าคุณวริศรออยู่ด้านบน เราก็ไม่รอช้า แบกเซ็ทครอบครัวขันทิเบตจำนวนกว่า 12 ใบของเราขึ้นไปที่ชั้น 2
เมื่อไปถึงก็มีผู้รอรับการบำบัดและฮีลเลอร์อีก 2 ท่านนั่งรออยู่ คุณวริศไม่รอช้าให้แต่ละคนแนะนำตัว ผู้รับการบำบัดท่านหนึ่งเป็นครูสอนศิลปะบำบัด Art Therapy ส่วนอีกท่านเป็นครูผู้ฝึกสอนพยาบาล
คุณวริศให้เราเริ่มปฏิบัติเป็นคนแรกในการตีขันให้กับคุณน้าพยาบาล โดยให้เราใช้ขันทิเบต 5 ใบในรอบนี้
เมื่ออธิบายขั้นตอนจบก็ขอให้คุณน้าพยาบาลนอนราบลงกลางห้อง หลับตา หายใจเข้าออกลึกๆ และเราก็เริ่มตีขันแต่ละใบเริ่มตั้งแต่ใบแรกที่วางไว้เหนือศีรษะ และวนไปใบอื่นเรื่อยๆ
โดยสังเกตอาการทางร่างกาย อวัยวะต่างๆ ใบหน้า และการหายใจของผู้บำบัดไประหว่างการตีขัน มีขันลอยที่ใช้ตีเมื่อเห็นอาการที่แสดงขึ้นตามบริเวณต่างๆของร่างกาย เสียงขันที่เตรียมไว้เป็นเสียงที่เราทำงานด้วย และคุ้นเคยอยู่แล้ว เลยไม่มีความท้าทายมากนักสำหรับภารกิจนี้ อีกทั้งคุณน้าพยาบาลก็ดูสบายไม่มีปฏิกิริยาใดที่น่าเป็นห่วง และดูเคลิบเคลิ้มกับเสียงขัน จนเวลาผ่านไปได้ซักพักสังเกตว่าผู้ที่รับการบำบัดอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลาย คุณวริศก็เขียนกระดาษแผ่นนึงมาให้ สรุปใจความได้ว่า Keep going, you’re doing great
เล่นต่ออีกซักพักเมื่อถึงแก่เวลาอันสมควรเราก็ใช้ Tingsha ให้สัญญาณกับคุณน้าพยาบาลกลับมาที่ตัวเองอีกรอบเพื่อจบsession นี้
ผลลัพธ์จากที่พูดคุยกับคุณน้าพยาบาลคือรู้สึกผ่อนคลายขึ้น และมีมือข้างซ้ายที่สั่นซึ่งเป็นข้าง receptive
ต่อจากนั้นผู้ปฏิบัติอีกสองท่านก็แสดงฝีมือการรักษาด้วยขันและจบลงด้วยการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน
คุณวริศเสริมว่า Healer ไม่ต้องสู้กับอาการที่เจอในเคส แต่เราแค่ไปช่วยล่อลื่นมัน เหมือนเอาน้ำมันทาบรรเทาอาการให้ดีขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ยังมีอยู่ แต่เราช่วยให้เค้าเข้าใจปัญหา นิ่งขึ้น จนกระทั่งสามารถ make peace และอยู่ร่วมกับมันได้ดีขึ้น
การที่เราฮีลผู้อื่นก็เป็นการได้ฮีลตัวเองไปในตัว และรู้จักตัวตนของตัวเองมากขึ้นด้วย
เพราะอาการเจ็บป่วยของเคส resonate จากสิ่งที่ Healer เป็น/หรือก็เคยมีอาการอยู่แล้ว ทำให้เราต้องจัดการตัวเองด้วยในฐานะ Healer
เรื่องราววันนี้น่าสนใจตั้งแต่การเดินทางหาสตูดิโอจนเจอ พบคุณวริศเพื่อเรียนรู้เทคนิคเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ในการรักษา
สำหรับเราแล้ว Placebo Club เป็นเหมือนพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้คนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ได้มาพบปะกัน และเข้ามาเรียนรู้ศาสตร์การบำบัดทางเลือกต่างๆโดยไม่ยึดติดกับแบบแผน หรือหลักเกณฑ์ใดเป็นพิเศษ ค่อนข้างจะออกเป็นแนว Artist ประมาณนั้นก็ว่าได้
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Placebo Club อีกครั้ง ที่เปิดคลับให้เราได้มาเรียนรู้กัน ขอบคุณคุณน้าพยาบาลที่มาเป็นครูให้เราวันนี้
และขอบคุณจักรวาลที่จัดสรรให้เราได้มาพบกันค่ะ
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
- Tags :
- Sound bath,
- Tibetan bowl,